หมู่โบราณสถานเมืองเว้
(COMPLEX OF HUE MONUMENTS)
สวัสดีค่ะ
หลังจากที่เราได้ทำการสร้างบล็อก วันนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้พาทุก ๆ
คนเข้าสู่โลกแห่งศิลปะและโบราณคดี
ในเอเชียอาคเนย์หรือที่เราเรียกว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งในวันนี้สถานที่แรกที่เราจะนำเสนอก็คือ หมู่โบราณสถานเมืองเว้ !!
หมู่โบราณสถานเมืองเว้ ถือว่าเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศเวียดนาม
และยังเป็นศูนย์กลางของศาสนา วัฒนธรรม และโบราณสถานต่าง ๆ
สวัสดีค่ะ
หลังจากที่เราได้ทำการสร้างบล็อก วันนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้พาทุก ๆ
คนเข้าสู่โลกแห่งศิลปะและโบราณคดี
ในเอเชียอาคเนย์หรือที่เราเรียกว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งในวันนี้สถานที่แรกที่เราจะนำเสนอก็คือ หมู่โบราณสถานเมืองเว้ !!
หมู่โบราณสถานเมืองเว้ ถือว่าเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศเวียดนาม
และยังเป็นศูนย์กลางของศาสนา วัฒนธรรม และโบราณสถานต่าง ๆ
- ความเป็นมา
หมู่โบราณสถานเมืองเว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนของเวียดนามช่วงปี
พ.ศ. 2345 – 2488 เดิมเป็นเมืองเล็ก ๆ ในความปกครองของ ขุนนางเหงียนฮวาง ในแผ่นดินราชวงศ์เล
ต่อมาเกิดการแบ่งแยกดินแดนขึ้น ทำให้ทางตอนเหนือตกไปอยู่ในปกครองของ ขุนนางตริงห์
และทางตอนใต้ตกอยู่ใต้อำนาจของขุนนางเหงียน
เมืองเว้มีพรมแดนติดกับลาวทางทิศตะวันตก เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรจามปา
จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 13 ดินแดนนี้จึงตกเป็นของเวียดนาม พระเจ้ายาลอง (Emperor
Gia Long) หรือคนไทยรู้จักพระองค์ในชื่อว่า องเชียงสือ
ผู้เคยเข้ามาขอความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
เพื่อนำกำลังกลับไปต่อสู้กับกบฏไตเซินจนชนะในปี พ.ศ.2345
แล้วจึงรวบรวมดินแดนเหนือและใต้เข้าไว้ด้วยกัน และตั้งชื่อใหม่ว่า เวียดนาม
พร้อมสถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิยาลองแห่งราชวงศ์เหงียน ครองเมืองเว้เป็นราชธานี
ต่อมาได้ถูกฝรั่งเศสบุกเข้าโจมตีเมืองเว้
และตามด้วยการยึดครองของญี่ปุ่นช่วงมหาสงครามเอเชียบูรพาในปี พ.ศ.2488
และปีเดียวกันนั้นเอง พระเจ้าเบ๋าได๋ได้สละราชสมบัติ
ซึ่งนั้นถือว่าเป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์เหงียน
เว้ได้ลดฐานะจากราชธานีกลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ตามการแบ่งประเทศออกเป็น
2 ส่วน ก่อนเสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของรัฐบาลโงดิงห์เดียม
www.hotelsthailand.com/vietnam-activity/danang-activity/hue-city-tour.html |
ตัวเมืองเว้
ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับอาณาเขตระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้
โบราณสถานหลายแห่งถูกทำลาย ต่อมาได้เริ่มมีการบูรณะโบราณสถาน
จึงเผยให้เห็นร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของนครจักรพรรดิ ทั้งพระราชวัง
สุสานจักรพรรดิ ป้อมปราการ
และนานาสิ่งก่อสร้างแบบฉบับเฉพาะอันทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม
รวมถึงสายน้ำหอมที่หล่อเลี้ยงเมืองมาเนิ่นนาน
ทำให้ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
หมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี
พ.ศ. 2536
- ที่ตั้ง
aseannotes.blogspot.com/2014/07/1.html |
เมืองเว้ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง
ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์
ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร
และห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร
- ความสำคัญ
upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/3c/ Grave_khai_dinh.jpg |
หมู่โบราณสถานเมืองเว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียน
ถูกสร้างเพื่อเป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ในปีพุทธศักราช 2345
นอกจากเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เมืองเว้ยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาและวัฒนธรรม
เว้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม
ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำคือที่ตั้งของพระราชวังซึ่งเป็นศูนย์กลางย่านประวัติศาสตร์ โบราณสถานและวัดสำคัญต่าง
ๆ ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำจะเป็นเมืองใหม่ซึ่งมีย่านธุรกิจและที่พักอาศัยมากมาย
เมืองเว้ถือว่าเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศเวียดนามเป็นอย่างมาก
- การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
เมืองเว้ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่
17 เมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่เมืองการ์ตาเฮนา ประเทศโคลอมเบีย ภายใต้ชื่อ
หมู่โบราณสถานเมืองเว้ (Complex of Hue Monuments) โดยมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณามรดกโลกด้านวัฒนธรรม
คือ เมืองเว้เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา
ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม
- สถานที่ท่องเที่ยวและศิลปะที่สำคัญ
1.พระราชวังเมืองเว้
1.1. ภาพรวมพระราชวังเมืองเว้
พระราชวังแห่งนี้สร้างโดยพระเจ้ายาลองปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน
เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ได้มีการให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยเลือกทำเลที่ตั้งเพื่อสร้างพระราชวัง
โดยพระราชวังจะล้อมรอบด้วยกำแพงที่มีความยาว 2x2
กิโลเมตร นอกกำแพงจะเป็นคูน้ำล้อมรอบซึ่งผันน้ำมาจากแม่น้ำหอมที่เป็นแม่น้ำสำคัญ
ลักษณะการวางผังได้แรงบันดาลใจจากพระราชวังกู้กงของจีน แต่มีส่วนที่แตกต่าง คือ
พระราชวังแห่งนี้หันไปทางทิศตะวันออก ในขณะที่พระราชวังในจีนหันไปทางทิศใต้
1.2.
ประตูโงมนในพระราชวังเมืองเว้
http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=933514 |
โงมนคือประตูหลักของพระราชวังเมืองเว้ เป็นประตูทางทิศตะวันออก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2376 โดยพระเจ้ามินห์หม่าง
โดยประตูนี้กษัตริย์จะเสด็จมาประทับเพื่องานพระราชพิธี
และทอดพระเนตรการเดินสวนสนามของกองทัพของพระองค์
ประตูนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังกู้กง สังเกตได้จากชื่อโงมน
ซึ่งนำมาจากชื่อประตูอู่เหมินของพระราชวังกู้กง
แต่เมื่อออกสียงเป็นภาษาเวียดนามจะอ่านว่า โงมน
นอกจานี้ยังมีลักษณะผังเป็นรูปตัวยูเหมือนกับประตูอู่เหมินด้วยเช่นกัน
1.3.
ป้ายศิลาหน้าตำหนักไทฮวาในพระราชวังเมืองเว้
https://www.ilovetogo.com/Article/113/3524/Trip-Review |
หน้าตำหนักไทฮวา มีลานกว้างขนาดใหญ่
ในบริเวณสองข้างของลานกว้างมีการตั้งป้ายศิลาเรียงเป็นแถว
บนป้ายมีการสลักภาษาจีนไว้
โดยชื่อภาษาจีนมีความหมายระบุถึงขุนนางตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง
ป้ายนี้มีหน้าที่บอกตำแหน่งให้กับขุนนาง การจัดป้ายเหล่านี้พบมาก่อนในวัฒนธรรมจีน
ที่ปรากฏหลักฐานอยู่คือ พระราชวังกู้กงในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
1.4. เถเหมียว หรือ
หอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์ในพระราชวังเมืองเว้
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/ 2007/06/E5533968/E5533968.html |
เถเหมียว หรือ
หอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์สร้างในสมัยพระเจ้ามินห์หม่าง ในปี พ.ศ. 2365-2366
เพื่อบูชาบรรพกษัตริย์และพระมเหสีในราชวงศ์เหงียน
ลักษณะอาคารอยู่ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านยาวคือด้านหน้าของอาคาร
ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหมือนและป้ายวิญญาณของเหล่าบรรพกษัตริย์และพระมเหสี
สรุปแล้วประเพณีการตั้งหอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีน
1.5. ภาชนะติ่ง 9
ใบหน้าเถเหมียวในพระราชวังเมืองเว้
หน้าหอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์หรือเถเหมียว
มีการประดิษฐานภาชนะสำริดขนาดใหญ่จำนวน 9 ใบเรียงกัน
ลักษณะภาชนะทรงกลมมีขาสามขาและมีหูจับโค้งที่ด้านบนสองข้าง
แสดงถึงภาชนะของจีนที่เรียกว่า “ติ่ง” ซึ่งปรากฏตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซางของจีน
การหล่อภาชนะติ่ง 9 ใบประดับไว้ด้านหน้า เพื่ออุทิศถวายแด่กษัตริย์ 9 พระองค์แรก
ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีความหมายแฝงเกี่ยวกับตำนานภาชนะติ่ง
9ใบอันเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิในความเชื่อของคนจีนด้วย
1.6. ตำหนักไทฮวาในพระราชวังเมืองเว้
https://www.ilovetogo.com/Article/113/3524/Trip-Review |
ตำหนักนี้เป็นตำหนักที่สำคัญที่สุดในพระราชวัง
ซึ่งสร้างพร้อมกับการสร้างพระราชวังเมืองเว้
ตำหนักแห่งนี้คือท้องพระโรงที่กษัตริย์เวียดนามออกว่าราชการและเป็นที่ประกอบพิธีบรมราชาภิเษก
สถาปัตยกรรมแห่งนี้แสดงถึงอิทธิพลที่ได้รับมาจากศิลปะจีนอย่างชัดเจน เช่น
ใช้ด้านยาวของอาคารเป็นด้านหน้า การทำช่องหน้าต่างกลมและประดับตัวอักษรมงคลแบบจีน
และงานประดับหลังคาเป็นรูปมังกรและสัตว์มงคลจีนต่าง ๆ นอกจากนี้ชื่อตำหนัก “ไทฮวา”
ก็มีที่มาจากตำหนักไท้เหอของพระราชวังกู้กงในเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน
งานประดับบางอย่างสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลศิลปะจีนทางตอนใต้ เช่น
การทำสันหลังคาโค้ง และการประดับกระเบื้องตัด
2. วัดเทียนมู่
2.1. ภาพรวมวัดเทียนมู่
วัดเทียนมู่สร้างขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่
22 โดยเหงียน ฮวง เป็นวัดพระพุทธศาสนานิกายเซ็น จากในบันทึกได้กล่าวไว้ว่า
เมื่อเหงียน ฮวง
เดินทางมาทางแถบนี้ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทียนมู่หรือเทพธิดามาประทับที่บริเวณนี้
และตรัสไว้ว่าจะมีคนมาสร้างวัดบนเนินเขาแห่งนี้เพื่อทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง
เหงียน ฮวง จึงสร้างวัดขึ้นบนที่ดังกล่าวตามคำทำนาย โดยสถาปัตยกรรมที่สำคัญคือ
ถะ*เจ็ดชั้น ซึ่งถือว่าเป็นถะที่สูงที่สุดในประเทศเวียดนาม
วัดเทียนมู่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์
รวมถึงขยายพื้นที่เรื่อยมาหลายสมัยและได้รับความเสียหายอย่างมากในปี พ.ศ.2447
และได้รับการบูรณะฟื้นฟูขึ้นในปี พ.ศ.2450
***ถะ คือชื่อเรียก เจดีย์แบบจีน
2.2. ถะในวัดเทียนมู่
ภายในวัดเทียนมู่
มีการสร้างสถูปแบบถะจีน 1 องค์ ถะองค์นี้ตามเรื่องเล่านั้นถูกสร้างขึ้นพร้อมกับวัด
โดยเหงียน ฮวง ซึ่งในปัจจุบันถะที่เห็นนั้นเป็นงานที่ถูกสร้างในสมัยหลังแล้ว
ตัวถะอยู่ในผังแปดเหลี่ยมและสูงเจ็ดชั้น ถือเป็นถะที่มีความสูงที่สุดในเวียดนาม
ช่างได้ออกแบบสถูปแต่ละชั้นแทนพระพุทธเจ้าพระองค์ต่าง ๆ
ทั้งนี้สถูปผังแปดเหลี่ยมและซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น ปรากฏหลักฐานมาก่อนแล้วในศิลปะแบบจีน
3.สุสานจักรพรรดิไคดิญห์
3.1.ภาพรวมสุสานจักรพรรดิไคดิญห์
https://www.sbatravel.co.th/tour/danang-hue-hoi-an-4d/ |
สุสานไคดิญห์สร้างเมื่อปี พ.ศ.2463
และสำเร็จในปี พ.ศ.2547 โดยสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมศพของพระเจ้าไคดิญห์
จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหงียน ตัวสุสานเป็นแผนผังแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ด้านหลังติดกับภูเขา Chau Chu สุสานแห่งนี้จัดเรียงอาคารไต่ระดับขึ้นไปเป็นชั้น
ๆ มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีอาคารซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน เช่น ท้องพระโรง
ตำหนัก นอกจากนี้ยังมีการตั้งประติมากรรมรูปสัตว์และบุคคลไว้สองข้างของทางเดินหลัก
รูปแบบโดยภาพรวมแสดงถึงการผสมผสานระหว่างอิทธิพลศิลปะตะวันตกที่เข้ามาในสมัยราชวงศ์เหงียนและศิลปะแบบจีนซึ่งเข้ามามีอิทธิพลในเวียดนามเป็นเวลานานแล้ว
3.2.
ประติมากรรมรูปบุคคลในสุสานจักรพรรดิไคดิญห์
https://th.tripadvisor.com/LocationPhotoDirectLink-g2146376-d451116-i38985850-Tomb_of_Khai_Dinh-Thua_Thien_Hue_Province.html |
ภายในลานหน้าท้องพระโรงของสุสานจักรพรรดิไคดิญห์ มีการตั้งประติมากรรมรูปบุคคลและสัตว์เรียงแถวไว้
แต่ทั้งหมดหันเข้าหาศูนย์กลาง ซึ่งน่าจะสร้างตามคติการสร้างสุสานแบบจีน
โดยแสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของผู้วายชนม์
ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย
ที่เชื่อว่าวิญญาณยังมีชีวิตเช่นเดียวกันกับคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องส่งข้าทาสบริวารไปอยู่ด้วยนั้นก็คือตุ๊กตาศิลา
3.3.
ประติมากรรมรูสัตว์ในสุสานพระเจ้าไคดิญห์
ภายในลานหน้าท้องพระโรงของสุสานจักรพรรดิไคดิญห์
มีการตั้งประติมากรรมรูปบุคคลและสัตว์เรียงแถวไว้ แต่ทั้งหมดหันเข้าหาศูนย์กลาง
ซึ่งน่าจะสร้างตามคติการสร้างสุสานแบบจีน โดยแสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของผู้วายชนม์
ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย
ที่เชื่อว่าวิญญาณยังมีชีวิตเช่นเดียวกันกับคนเป็น
ช้างและม้าเป็นเหมือนเครื่องประกอบยศของกษัตริย์ ดังนั้นถึงแม้กษัตริย์จะสวรรคตลง
ในสุสานของพระองค์ก็ต้องมีช้างและม้า เหมือนกับตอนที่ทรงมีพระชนม์ชีพด้วย
จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาทั้งหมด
สรุปได้ว่าหมู่โบราณสถานเมืองเว้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแลหมาะแหล่งมรดกโลกที่สำคัญ
เป็นที่ที่รวบรวมศิลปะ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม ไว้ได้อย่างลงตัว เหมาะกับการท่องเที่ยวเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก
เพราะหมู่โบราณเมืองเว้ถือว่าเป็นที่ที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติสูง และสวยงาม
............................................................
อ้างอิง
ณัฐวดี ช่วยพนัง. (ม.ป.ป.). เวียดนาม [ระบบออนไลน์] . สืบค้นเมื่อ 31
สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก sites.google.com/site/worldheritageinaseann/weiydnam
มหานครอาเซียน. (ม.ป.ป.). หมู่โบราณสถานเมืองเว้ [ระบบออนไลน์].
สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก www.uasean.com/kerobow01/263
สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัทธยาศัยภาคเหนือ.
(2558).มรดกโลกในเวียดนาม 1 : หมู่โบราณสถานเมืองเว้ [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ
31สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก aseannotes.blogspot.com/search/label/มรดกโลกในเวียดนาม
อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช. (ม.ป.ป.).
เมืองเว้[ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก http://art-in-sea.com/th/data/vietnam-art/viet-art/itemlist/category/
Jaruwan Thongpech. (2560). หมู่โบราณสถานเมืองเว้ (Complex
of Hue Monuments) : ร่องรอยความเจริญรุ่งโรจน์ของอารยธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ในยุคแห่งการล่าอาณานิคม[ระบบออนไลน์]
. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก aseanworldtravel11.blogspot.com/2017/10/complex-of-hue-monuments_26.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น