หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

บุโรพุทโธ ( Borobudur )



บุโรพุทโธ ( Borobudur )





          สวัสดีค่ะ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เราได้รวบรวมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีต่าง ๆ ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาให้ทุกคนได้อ่านกัน โดยในวันนี้สถานที่ที่เราจะมานำเสนอนั้นก็คือ กลุ่มวัดบุโรพุทโธ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญต่อศาสนาพุทธ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย เป็นสถานที่ที่ถือว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากอีกด้วย



ความเป็นมา

            มหาสถูปบุโรพุทโธ หรือ บรมพุทโธ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ที่ภาคกลางของเกาะชวาภาคกลาง โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ในศาสนาพุทธ บุโรพุทโธถือว่าเป็นศาสนสถานของที่ใหญ่ที่สุดในโลก



            บุโรพุทโธถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร เป็นสถูปแบบมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7-9 หรือ พุทธศักราช 1393 ตั้งอยู่ทางภาคกลางของเกาะชวา บนที่ราบเกฑุ  ทางฝั่งขวาใกล้กับแม่น้ำโปรโก ห่างจากยอกยาการ์ตา ทางตะวันตกเฉียงเหนือ 40 กิโลเมตร บุโรพุทโธสร้างด้วยหินแอนดีไซต์) ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟขนาดใหญ่มหึมาประมาณ 2 ล้านตารางฟุตบนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 121 เมตร สูง 403 ฟุต เป็นรูปทรงแบบปิรามิด มีลานเป็นชั้นลดหลั่นกัน 8 ชั้น และใน 8 ชั้นนั้น 5 ชั้นล่างเป็นลาน 4 เหลี่ยม 3 ชั้น บนเป็นลานวงกลม และบนลานกลมชั้งสูงสุดมีพระสถูปตั้งสูงขึ้นไปอีก 31.5 เมตร เป็นมหาสถูปที่ระเบียงซ้อนกันเป็นชั้นๆลดหลั่นกันไป บุโรพุทโธตั้งอยู่บนเนินดินธรรมชาติที่อยู่สูงกว่าระดับพื้นดินประมาณ 15 เมตร  รูปทรงภายนอกเป็นรูปทรงดอกบัวอันเป็นสัญลักษณ์ชองพุทธศาสนา  ดอกบัวขนาดมหึมานี้ลอยอยู่ในบึงใหญ่  ตามหลักฐานในประวัติศาสตร์  โบราณสถานแห่งนี้และบริเวณรอบๆ เป็นที่ลุ่มและถูกล้อมรอบด้วยน้ำที่ท่วมมาจากแม่น้ำโปรโก (Progo River) ทำให้เจดีย์โบราณบุโรพุทโธเป็นเสมือนดอกบัวลอยอยู่ในน้ำ



ที่ตั้ง



            ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะชวา บนที่ราบเกฑุ ทางฝั่งขวาใกล้กับแม่น้ำโปรโก ห่างจากยอกยาการ์ตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร
( ละติจูด : -7.60778 องศา     ลองติจูด : 110.20361 องศา )


ลักษณะทางสถาปัตยกรรม





             ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของบุโรพุทโธแสดงออกถึงความเป็นอัจฉริยะสูงสุดทางศิลปะสมัยไศเลนทรา  ที่ต่างไปจากโบราณสถานทุกแห่งในชวา ประวัติการก่อสร้างมีอยู่ว่า  ในปี ค.ศ. 732  กษัตริย์ชวาราชวงศ์สัญชัย (Sanjaya) ซึ่งนับถือศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู)  ที่มาจากอินเดียในยุคนั้น  ราชวงศ์ไศเลนทรานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน  จึงก่อสร้างโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ไว้หลายแห่ง  ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเจดีย์บุโรพุทโธซึ่งกษัตริย์วิษณุแห่งราชวงศ์ไศเลนทราทรงเริ่มสร้างขึ่นในปี ค.ศ. 775 จนกระทั่งมาเสร็จสมบูรณ์ในสมัยของกษัตริย์อินทราเมื่อปี ค.ศ. 847 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 70 ปีเศษ  ความมหัศจรรย์ของบุโรพุทโธเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ด้วยรูปแบบและรายละเอียดของศิลปะจากความคิดของช่างในสมัยนั้นโดยสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา  หรือ ศิลปะชวาภาคกลาง ที่ผสมผสานศิลปะระหว่างอินเดียกับอินโดนีเซียเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
            บุโรพุทโธสร้างขึ้นก่อนปราสาทนครวัดของกัมพูชาประมาณ 300 ปี  ทำเลที่ตั้งเป็นเนินเขากว้างใหญ่  จำลองมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำคงคาและแม่น้ำยมุนาไหลมาบรรจบกันเช่นที่ประเทศอินเดีย  ต้นกำเนิดแห่งศาสนาพุทธบริเวณที่มีแม่น้ำ 2 สายไหลผ่าน  นั่นก็คือแม่น้ำโปรโกและแม่น้ำอีโล



            บุโรพุทโธมีลักษณะเด่นทางสถาปัตยกรรมคือ เป็นสถูปตั้งอยู่บนพีระมิดทรงขั้นบันได  มีความสูงกว่า 42 เมตรจากฐานชั้นล่าง บุโรพุทโธมีทั้งหมด 10 ชั้น  ซึ่งแต่ละชั้นจะมีภาพสลักนูนต่ำแสดงคติธรรมทางพุทธศาสนาด้วยทัศนคติเกี่ยวกับจักรวาลตามพุทธศาสนาและการเข้าสู่นิพพาน 6 ชั้นนับจากฐานเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมแบบย่อมุม  คล้ายพีระมิดขั้นบันไดชั้นที่ 7 เป็นฐานวงกลมขนาดใหญ่  ขึ้นไปอีก 3 ชั้น ประดับเจดีย์ทรงระฆังโปร่งฉลุลายเป็นรูปสี่แหลี่ยมข้าวหลามตัด  ครอบองค์พระพุทธรูปองค์เล็กข้างใน ส่วนนี้ มีความเชื่อกันว่าหากยื่นมือไปจนถึงและสัมผัสพระพุทธรูปภายในได้พร้อมอธิษฐานแล้วจะสมหวังและโชคดี  เจดีย์เหล่านี้มีจำนวน 72 องค์ เรียงเป็นแนวล้อมรอบสถูปของชั้นที่ 10 ซึ่งมีลักษณะเป็นฐานวงกลมใหญ่ของเจดีย์องค์ประธานสูง 150 ฟุต  เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ข้างใน  แต่ปัจจุบันว่างเปล่า
            บุโรพุทโธเปรียบเสมือนศูนย์กลางของจักรวาล แบ่งได้เป็น 3 ชั้น คือ ส่วนฐานของเจดีย์เป็นขั้นบันไดใหญ่ 4 ขั้น โดยรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมกำแพงรอบฐานมีภาพสลักนูนต่ำราว 160 ภาพอยู่ในส่วนกามาฐานหรือขั้นที่มนุษย์ยังผูกพันอย่างใกล้ชิดกับความสุขทางโลกและถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหา ส่วนที่ 2 คือส่วนบนของฐานที่มีขั้นบันไดรูปกลม ฐาน 6 ขั้นที่มีรูปสลักนูนต่ำเกือบ 1,400 ภาพ  ที่แสดงพุทธประวัติ ถือเป็นขั้นรูปธาตุ  หรือ ขั้นที่มนุษย์หลุดพ้นจากกิเลส ทางโลกมาได้บางส่วน  และส่วนที่ 3 คือส่วนของฐานกลมที่มีเจดีย์เล็กๆ 3 ชั้นล้อมรอบสถูปองค์ใหญ่ที่สุด  หมายถึงจักรวาล  คือ ขั้นอธูปธาตุ  ที่มนุษย์ไม่ผูกพันกับทางโลกอีกต่อไป ในชั้นอธูปธาตุนี้สร้างเป็นฐานระเบียงวงกลม 3 ชั้นมีเจดีย์ทรงระฆังโปร่งฉลุลายเป็นช่องสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเรียงรายโดยรอบ  ชั้นบนสุดเป็นฐานวงกลมใหญ่ของเจดีย์องค์ประธาน  ตั้งอยู่กึ่งกลางของสถูป ด้วยลักษณะของเขาพระสุเมรุมาตามปรัชญาทางศาสนาที่ว่าพื้นฐานเจดีย์คือ โลกมนุษย์ที่ยังเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ส่วนยอดสูงสุดคือ ชั้นสรวงสวรรค์หรือนิพพานในคติความเชื่อของศานาพุทธ
            บุโรพุทโธถูกทิ้งร้างเป็นป่ารกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19  และประสบกับภัยธรรมชาติคือแผ่นดินไหว  จนจมอยู่ใต้เถ้าถ่านของภูเขาไฟซึ่งระเบิดอย่างต่อเนื่อง  กระทั่งศตวรรษที่ 20 ยังเกิดน้ำท่วมซ้ำจากเหตุการณ์ฝนตกต่อเนื่องจนจมอยู่ในน้ำลึกถึง 3 เมตร  เป็นเหตุให้ดินภูเขาไฟที่ครอบสถูปบุโรพุทโธอยู่ชื้นแฉะจนทรุดตัว  ทำให้โบราณสถานแห่งนี้ทรุดตัวตามไปด้วย  กระทั้งสแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์  ผู้ถูกส่งมาประจำการเป็นผู้สำเร็จราชการของอังกฤษเพื่อปกครองอาณานิคมชวาในช่วงนั้น ได้เห็นความสำคัญของบุโรพุทโธจึงเริ่มบูรณะขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1855 และสามารถเริ่มเปิดให้ผู้คนทั่วโลกเข้ามาเยี่ยมชม ต่อมาอินโดนีเซียได้ขอความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโกในการบูรณะอย่างละเอียดอีกหลายครั้ง  เพื่อที่จะแก้ปัญหาโครงสร้างที่เป็นโพรงเพราะภูเขาดินภายในทรุดถล่มจากสาเหตุอุทกภัย  การบูรณะแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1983 ด้วยงบประมาณ 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในบริเวณบุโรพุทโธมีพิพิธภัณฑ์เก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การก่อสร้างและความเป็นมาเมื่อองค์การยูเนสโกของสหประชาชาติเข้าไปช่วยบำรุงรักษาบุโรพุทโธไว้เพื่อไม่ให้ล่มสลายไปกับกาลเวลา  รวมทั้งภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขังเนื่องจากการก่อสร้างบุโรพุทโธเดิมไม่มีการวางระบบระบายน้ำที่ดีพอ  ทำให้พุทธสถานแห่งนี้ทรุดลงเรื่อยๆ  ยูเนสโก้เข้าไปจัดการทำช่องทางระบายน้ำและเสริมฐานเจดีย์ให้แข็งแรงมั่นคงขึ้นนอกจากพิพิธภัณฑ์นี้แล้ว ยังมีรถไฟเล็กบริการพาชมบริเวณรอบๆ  บุโรพุทโธทุกๆ 10 นาที ค่ารถไฟคนละ 1,000 รูเปียห์  คงเป็นการดีหากมีโอกาสไปเยือนพุทธศาสนาสถานแห่งนี้ในวันวิสาชบูชา  เพราะจะมีพระสงฆ์และนักแสวงบุญทั่วสารทิศมาแสวงบุญโดยการเดินทักษิณาวัตรตั้งแต่ประตูใหญ่ด้านทิศตะวันออกซึ่งกว่าจะถึงยอดก็รวมระยะทางทั้งสิ้นราว 5 กิโลเมตรนับเป็นภาพที่งดงามจับตามากสำหรับศาสนิกชนชาวไทย


ลักษณะการก่อนสร้างของบุโรพุทโธ

ลักษณะการก่อนสร้างของบุโรพุทโธ มีความหมายในทางธรรม ดังนี้
    • §  ส่วนฐานของบุโรพุทโธ ประกอบด้วยขั้นบันไดใหญ่ 4 ขั้น กำแพงรอบฐานมีภาพสลักที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่ยังข้องอยู่ในความสุข ความปรารถนา ส่วนนี้จึงเปรียบเสมือนยู่ในขั้นกามภูมิ
    • §  ส่วนที่สอง ผนังระเบียงสลักภาพเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและชาดกต่างๆ เปรียบเสมือนขั้นตอนที่มนุษย์เริ่มหลุดพ้นจากกิเลศทางโลกได้บางส่วน ถือเป็นขั้นรูปภูมิ
    • §  ส่วนที่สาม คือส่วนของฐานกลมที่มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ จำนวน 72 องค์ แต่ละองค์บรรจุด้วยพระพุทธรูปอยู่ภายใน ตั้งเรียงรายโอบล้อมพระเจดีย์องค์ใหญ่อยู่ 3 ระดับ จำนวนเจดีย์ 72 องค์นั้น ในทางธรรมแล้วหมายถึง รูป 18  เจตสิก 52  จิต นิพพาน 1 และฐานพระเจดีย์ที่เป็นรูปบัวผลิบานบ่งบอกถึงการรู้ตื่นและเบิกบาน ส่วนพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่ภายในไม่ได้บรรจุสิ่งใดไว้ สื่อให้เห็นถึงความว่าง อันถึงที่สุดของนิพพาน ส่วนนี้เปรียบเสมือนขั้นตอนที่มนุษย์ไม่ผูกพันกับทางโลกอีกต่อไป ถือเป็นขั้นอรูปภูมิ




            โบโรบูดูร์ คงความยิ่งใหญ่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คนจนถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ใกล้สิ้นยุคของศรีวิชัย ซึ่งชาวโปรตุเกสได้เริ่มเข้ามายึดครองหมู่เกาะต่างๆ และอิทธิพลของศาสนาอิสลามได้เข้ามาแทนที่ บุโรพุทโธจึงได้ถูกลืมเลือนและถูกทิ้งร้างเป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่งในพุทธศตวรรษที่ 24 เซอร์โทมัส แสตนฟอร์ด ราฟเฟิล ชาวดัทซ์ ได้ค้นพบบุโรพุทโธในสภาพที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง มีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งแรกในระหว่าง พ.ศ.2448-2453 ต่อมาในระหว่างปี พ.ศ 2513-2533 รัฐบาลอินโดนีเซียได้มีการปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งโดยมีองค์การยูเนสโกของสหประชาชาติ ได้ให้ทุนสนับสนุน รวมทั้งเงินทุนอุดหนุนจากบางประเทศที่นับถือพุทธศาสนา รวมทั้งประเทศไทยด้วย


การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

            โบโรบูดูร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ "กลุ่มวัดบรมพุทโธ" เมื่อปี พ.ศ. 2534 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย โดยมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณามรดกโลด้านวัฒนธรรมจำนวน 3 ข้อ คือ
            1. เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
            2. เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
            3. มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์



รูปภาพอื่น ๆ











            จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่าบุโรพุทโธเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ในประเทศอินโดนีเซียและในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางความเจริญของศาสนาพุทธในประเทศแถบนี้อีกด้วย ด้วยประวัติศาสตร์ ความเป็นมา สถาปัตยกรรม และศิลปะต่าง ๆ ทำให้บุโรพุทโธเป็นอีกสถานที่หนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่น่าเดินทางไปเยี่ยมชม และท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากบุโรพุทโธแล้วก็ยังมีสถานที่รอบ ๆ และสถานที่อื่น ๆในอินโดนีเซียที่น่าสนใจ อย่าลืมไปเที่ยวกันนะคะ 



………………………………………………………………………………
บรรณานุกรม
            กนกวรรณ โพธิ์นอก. (ม.ป.ป.). ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวบุโรพุทโธ (Borobudur) [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก http://www.tripdeedee.com/traveldata/bali/bali15.php
            มหานครอาเซียน. (ม.ป.ป.). กลุ่มวัดบรมพุทโธหรือมหาสถูปบุโรพุทโธ [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก http://www.uasean.com/kerobow01/277
            ณัฐพร สินทร. (2556). บุโรพุทโธ [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก https://natthaponbb.wordpress.com/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%98/
            สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัทธยาศัยภาคเหนือ. (2558). มรดกโลกในอินโดนีเซีย 1 : กลุ่มวัดบรมพุทโธ [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/1_13.html
            โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์. (ม.ป.ป.). ข้อมูลท่องเที่ยว ประเทศอินโดนีเซีย [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก http://www.oceansmile.com/IndoBali/Buro.htm



วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561

แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน (SANGIRAN EARLY MAN SITE)


แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน
(SANGIRAN EARLY MAN SITE)


          สวัสดีค่ะ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เราได้รวบรวมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีต่าง ๆ ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาให้ทุกคนได้อ่านกัน โดยในวันนี้สถานที่ที่เราจะมานำเสนอนั้นก็คือ แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน ซึ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม และยังถือว่าเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย





ความเป็นมา
          แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรันอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย คือแหล่งขุดค้นมนุษย์ชวาถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2479 การค้นพบนี้ ทำให้แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรันมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากจากการ เป็นแหล่งขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งได้มีการค้นพบซากฟอสซิลของมนุษย์ตั้งแต่ยุคเริ่มแรก และต่อมาก็พบฟอสซิลของ Meganthropus erectus/Homo erectus จำนวน ๕๐ ซาก โดยครึ่งหนึ่งเป็นฟอสซิลมนุษย์ เป็นที่อยู่อาศัยมาในอดีตราว ๑ ล้านปีครึ่ง โดยมีการค้นพบครั้งแรกมื่อปี พ.ศ. 2479 และได้รับการยอมรับโดยนักวิทยาศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในโลกสำหรับการศึกษาฟอสซิลของมนุษย์ ครื่งหนึ่งของซากฟอสซิลมนุษย์โบราณจากทั่วโลกได้รับการค้นพบที่นี่

ที่ตั้ง

        ตั้งอยู่ประมาณ 15 กิโลเมตรทางตอนเหนือของเมืองโซโล ในเขตชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย









ความสำคัญ



          แหล่งโบราณคดีซังงีรัน เป็นบริเวณชั้นหินที่มีอายุทางธรณีวิทยาเก่าแก่กว่า 1.5 ล้านปี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 56 ตารางกิโลเมตร เป็นที่ตั้งแหล่งโบราณคดี และเป็นแหล่งขุดค้นทางมนุษยวิทยา มีการขุดค้นพบซากฟอสซิสมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 พบฟอสซิลมนุษย์โบราณ ประกอบด้วยฟอสซิล Meganthropus palaeo และ Pithecanthropus erectus/Homo erectus ซึ่งเป็นมนุษย์ยุคแรกเริ่มมีชีวิตอยู่เมื่อ 1.5-1.8  ล้านปีมาแล้ว จำนวนกว่า 50 ซาก และพบเครื่องมือที่ทำด้วยหินของมนุษย์ในยุคหินเก่าและยุคหินใหม่ แสดงให้เห็นถึงที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของมนุษย์และพัฒนาการทางวัฒนธรรมอันยาวนาน นับเป็นสถานที่สำคัญที่ในการศึกษาและทำให้เข้าใจวิวัฒนาการของมนุษย์มากขึ้น



***Homo erectus****
ระดับ : มนุษย์แรกเริ่ม (early man)
ขนาดของสมอง : 750-1,200 ลบ.ซม.
เครื่องมือที่ใช้ : ใช้ขวานหินไม่มีด้ามในยุคหินเก่าอยู่ในถ้ำและรู้จักใช้ไฟ




          Homo  erectus เป็นมนุษย์ที่มีใบหน้าตั้งตรงเหมือนมนุษย์ยุคใหม่แล้ว มีขากรรไกรและฟันที่แข็งแรง โดยขากรรไกรจะเริ่มหดสั้นกว่า  Homo habilis ส่วนของกะโหลกซึ่งกว้างที่สุดอยู่ที่ระดับรูหู มีขนาดสมองประมาณ1000 ลูกบาศก์เซนติเมตร เชื่อกันว่ามนุษย์ชนิดนี้ไม่มีขนแบบลิงแล้ว และมีการกระจายตั้งแต่แอฟริกาจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และยุโรป มนุษย์ยุคนี้เริ่มรู้จักการใช้ไฟและประดิษฐ์ เครื่องมือต่างๆ จากก้อนหินได้ดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์จึงจัดให้เป็นมนุษย์แรกเริ่ม(Early  man) ที่รู้จักกันดีก็คือมนุษย์ชวา (Java ape man)และมนุษย์ปักกิ่ง(Peking man) สำหรับมนุษย์ปักกิ่งนั้นถูกค้นพบซากอยู่ที่ถ้ำ จูกูเทียน(Zhoukoudian)ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำให้ทราบว่ามนุษย์ยุคนี้รู้จักการใช้ไฟ มีการล่าสัตว์โดยใช้ขวานหิน และในบางครั้งมนุษย์ปักกิ่งเป็นพวกที่กินเนื้อมนุษย์พวกเดียวกันอีกด้วย


        





        สรุปก็คือแหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญต่อมรดกโลกและเป็นแหล่งที่ให้ความรู้ ซึ่งการค้นพบแหล่งมนุษย์ยุคแรกเริ่มนี้ แสดงให้เห็นถึงที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ และพัฒนาการทางวัฒนธรรมอันยาวนาน ซึ่งนี้ก็นับเป็นสถานที่สำคัญ สำหรับการศึกษาและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์มากขึ้นไปอีก


……………………………………………………….
อ้างอิง
          สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัทธยาศัยภาคเหนือ. (2558). มรดกโลกในอินโดนีเซีย 3 : แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/3_13.html
          มหานครอาเซียน. (ม.ป.ป.). แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก http://www.uasean.com/kerobow01/255
          เรวดี  กลางเดือน. (ม.ป.ป.). แหล่งมรดกโลกในประเทศต่างๆ  ในภูมิภาคเอเชีย [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/pavattisat03272/hnwy-kar-reiyn-ru-thi2/2-3?tmpl=%2Fsystem%2Fapp%2Ftemplates%2Fprint%2F&showPrintDialog=1
          นงนุช สุครีพ. (ม.ป.ป.). Homo erectus [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2561 สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/wiwathnakarmnusy/2-wiwathnakar-khxng-mnusy/2-2-homo-erectus