หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

หมู่โบราณสถานเมืองเว้ (COMPLEX OF HUE MONUMENTS)


หมู่โบราณสถานเมืองเว้ 

(COMPLEX OF HUE MONUMENTS)



      สวัสดีค่ะ หลังจากที่เราได้ทำการสร้างบล็อก วันนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้พาทุก ๆ คนเข้าสู่โลกแห่งศิลปะและโบราณคดี ในเอเชียอาคเนย์หรือที่เราเรียกว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในวันนี้สถานที่แรกที่เราจะนำเสนอก็คือ หมู่โบราณสถานเมืองเว้ !! หมู่โบราณสถานเมืองเว้ ถือว่าเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศเวียดนาม และยังเป็นศูนย์กลางของศาสนา วัฒนธรรม และโบราณสถานต่าง ๆ

  • ความเป็นมา

            หมู่โบราณสถานเมืองเว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนของเวียดนามช่วงปี พ.ศ. 2345 – 2488 เดิมเป็นเมืองเล็ก ๆ ในความปกครองของ  ขุนนางเหงียนฮวาง ในแผ่นดินราชวงศ์เล ต่อมาเกิดการแบ่งแยกดินแดนขึ้น ทำให้ทางตอนเหนือตกไปอยู่ในปกครองของ ขุนนางตริงห์ และทางตอนใต้ตกอยู่ใต้อำนาจของขุนนางเหงียน เมืองเว้มีพรมแดนติดกับลาวทางทิศตะวันตก เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรจามปา จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 13 ดินแดนนี้จึงตกเป็นของเวียดนาม พระเจ้ายาลอง (Emperor Gia Long) หรือคนไทยรู้จักพระองค์ในชื่อว่า องเชียงสือ ผู้เคยเข้ามาขอความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เพื่อนำกำลังกลับไปต่อสู้กับกบฏไตเซินจนชนะในปี พ.ศ.2345 แล้วจึงรวบรวมดินแดนเหนือและใต้เข้าไว้ด้วยกัน และตั้งชื่อใหม่ว่า เวียดนาม พร้อมสถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิยาลองแห่งราชวงศ์เหงียน ครองเมืองเว้เป็นราชธานี
          ต่อมาได้ถูกฝรั่งเศสบุกเข้าโจมตีเมืองเว้ และตามด้วยการยึดครองของญี่ปุ่นช่วงมหาสงครามเอเชียบูรพาในปี พ.ศ.2488 และปีเดียวกันนั้นเอง พระเจ้าเบ๋าได๋ได้สละราชสมบัติ ซึ่งนั้นถือว่าเป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์เหงียน  เว้ได้ลดฐานะจากราชธานีกลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2 ส่วน ก่อนเสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของรัฐบาลโงดิงห์เดียม

www.hotelsthailand.com/vietnam-activity/danang-activity/hue-city-tour.html

         ตัวเมืองเว้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับอาณาเขตระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ โบราณสถานหลายแห่งถูกทำลาย ต่อมาได้เริ่มมีการบูรณะโบราณสถาน จึงเผยให้เห็นร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของนครจักรพรรดิ ทั้งพระราชวัง สุสานจักรพรรดิ ป้อมปราการ และนานาสิ่งก่อสร้างแบบฉบับเฉพาะอันทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม รวมถึงสายน้ำหอมที่หล่อเลี้ยงเมืองมาเนิ่นนาน ทำให้ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม หมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2536

  • ที่ตั้ง



aseannotes.blogspot.com/2014/07/1.html

                     เมืองเว้ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร

  • ความสำคัญ


upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/3c/
Grave_khai_dinh.jpg
          หมู่โบราณสถานเมืองเว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียน ถูกสร้างเพื่อเป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ในปีพุทธศักราช 2345 นอกจากเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เมืองเว้ยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาและวัฒนธรรม เว้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำคือที่ตั้งของพระราชวังซึ่งเป็นศูนย์กลางย่านประวัติศาสตร์ โบราณสถานและวัดสำคัญต่าง ๆ ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำจะเป็นเมืองใหม่ซึ่งมีย่านธุรกิจและที่พักอาศัยมากมาย เมืองเว้ถือว่าเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศเวียดนามเป็นอย่างมาก

  • การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
      เมืองเว้ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 17 เมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่เมืองการ์ตาเฮนา ประเทศโคลอมเบีย ภายใต้ชื่อ หมู่โบราณสถานเมืองเว้ (Complex of Hue Monuments) โดยมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณามรดกโลกด้านวัฒนธรรม คือ เมืองเว้เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม


  • สถานที่ท่องเที่ยวและศิลปะที่สำคัญ

          1.พระราชวังเมืองเว้

              1.1. ภาพรวมพระราชวังเมืองเว้
            พระราชวังแห่งนี้สร้างโดยพระเจ้ายาลองปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ได้มีการให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยเลือกทำเลที่ตั้งเพื่อสร้างพระราชวัง โดยพระราชวังจะล้อมรอบด้วยกำแพงที่มีความยาว 2x2 กิโลเมตร นอกกำแพงจะเป็นคูน้ำล้อมรอบซึ่งผันน้ำมาจากแม่น้ำหอมที่เป็นแม่น้ำสำคัญ ลักษณะการวางผังได้แรงบันดาลใจจากพระราชวังกู้กงของจีน แต่มีส่วนที่แตกต่าง คือ พระราชวังแห่งนี้หันไปทางทิศตะวันออก ในขณะที่พระราชวังในจีนหันไปทางทิศใต้

          
                   1.2. ประตูโงมนในพระราชวังเมืองเว้

http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=933514

              โงมนคือประตูหลักของพระราชวังเมืองเว้ เป็นประตูทางทิศตะวันออก สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2376 โดยพระเจ้ามินห์หม่าง โดยประตูนี้กษัตริย์จะเสด็จมาประทับเพื่องานพระราชพิธี และทอดพระเนตรการเดินสวนสนามของกองทัพของพระองค์ ประตูนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังกู้กง สังเกตได้จากชื่อโงมน ซึ่งนำมาจากชื่อประตูอู่เหมินของพระราชวังกู้กง แต่เมื่อออกสียงเป็นภาษาเวียดนามจะอ่านว่า โงมน นอกจานี้ยังมีลักษณะผังเป็นรูปตัวยูเหมือนกับประตูอู่เหมินด้วยเช่นกัน


              1.3. ป้ายศิลาหน้าตำหนักไทฮวาในพระราชวังเมืองเว้

https://www.ilovetogo.com/Article/113/3524/Trip-Review

              หน้าตำหนักไทฮวา มีลานกว้างขนาดใหญ่ ในบริเวณสองข้างของลานกว้างมีการตั้งป้ายศิลาเรียงเป็นแถว บนป้ายมีการสลักภาษาจีนไว้ โดยชื่อภาษาจีนมีความหมายระบุถึงขุนนางตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง ป้ายนี้มีหน้าที่บอกตำแหน่งให้กับขุนนาง การจัดป้ายเหล่านี้พบมาก่อนในวัฒนธรรมจีน ที่ปรากฏหลักฐานอยู่คือ พระราชวังกู้กงในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน


              1.4. เถเหมียว หรือ หอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์ในพระราชวังเมืองเว้
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/
2007/06/E5533968/E5533968.html

             เถเหมียว หรือ หอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์สร้างในสมัยพระเจ้ามินห์หม่าง ในปี พ.ศ. 2365-2366 เพื่อบูชาบรรพกษัตริย์และพระมเหสีในราชวงศ์เหงียน ลักษณะอาคารอยู่ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านยาวคือด้านหน้าของอาคาร ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหมือนและป้ายวิญญาณของเหล่าบรรพกษัตริย์และพระมเหสี สรุปแล้วประเพณีการตั้งหอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีน


              1.5. ภาชนะติ่ง 9 ใบหน้าเถเหมียวในพระราชวังเมืองเว้


              หน้าหอเซ่นไหว้บรรพกษัตริย์หรือเถเหมียว มีการประดิษฐานภาชนะสำริดขนาดใหญ่จำนวน 9 ใบเรียงกัน ลักษณะภาชนะทรงกลมมีขาสามขาและมีหูจับโค้งที่ด้านบนสองข้าง แสดงถึงภาชนะของจีนที่เรียกว่า “ติ่ง” ซึ่งปรากฏตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซางของจีน การหล่อภาชนะติ่ง 9 ใบประดับไว้ด้านหน้า เพื่ออุทิศถวายแด่กษัตริย์ 9 พระองค์แรก ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีความหมายแฝงเกี่ยวกับตำนานภาชนะติ่ง 9ใบอันเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิในความเชื่อของคนจีนด้วย


              1.6. ตำหนักไทฮวาในพระราชวังเมืองเว้

https://www.ilovetogo.com/Article/113/3524/Trip-Review

            ตำหนักนี้เป็นตำหนักที่สำคัญที่สุดในพระราชวัง ซึ่งสร้างพร้อมกับการสร้างพระราชวังเมืองเว้ ตำหนักแห่งนี้คือท้องพระโรงที่กษัตริย์เวียดนามออกว่าราชการและเป็นที่ประกอบพิธีบรมราชาภิเษก สถาปัตยกรรมแห่งนี้แสดงถึงอิทธิพลที่ได้รับมาจากศิลปะจีนอย่างชัดเจน เช่น ใช้ด้านยาวของอาคารเป็นด้านหน้า การทำช่องหน้าต่างกลมและประดับตัวอักษรมงคลแบบจีน และงานประดับหลังคาเป็นรูปมังกรและสัตว์มงคลจีนต่าง ๆ นอกจากนี้ชื่อตำหนัก “ไทฮวา” ก็มีที่มาจากตำหนักไท้เหอของพระราชวังกู้กงในเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน งานประดับบางอย่างสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลศิลปะจีนทางตอนใต้ เช่น การทำสันหลังคาโค้ง และการประดับกระเบื้องตัด


         2. วัดเทียนมู่

              2.1. ภาพรวมวัดเทียนมู่

               วัดเทียนมู่สร้างขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 22 โดยเหงียน ฮวง เป็นวัดพระพุทธศาสนานิกายเซ็น จากในบันทึกได้กล่าวไว้ว่า เมื่อเหงียน ฮวง เดินทางมาทางแถบนี้ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทียนมู่หรือเทพธิดามาประทับที่บริเวณนี้ และตรัสไว้ว่าจะมีคนมาสร้างวัดบนเนินเขาแห่งนี้เพื่อทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง เหงียน ฮวง จึงสร้างวัดขึ้นบนที่ดังกล่าวตามคำทำนาย โดยสถาปัตยกรรมที่สำคัญคือ ถะ*เจ็ดชั้น ซึ่งถือว่าเป็นถะที่สูงที่สุดในประเทศเวียดนาม วัดเทียนมู่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ รวมถึงขยายพื้นที่เรื่อยมาหลายสมัยและได้รับความเสียหายอย่างมากในปี พ.ศ.2447 และได้รับการบูรณะฟื้นฟูขึ้นในปี พ.ศ.2450

 ***ถะ คือชื่อเรียก เจดีย์แบบจีน


              2.2. ถะในวัดเทียนมู่

                          ภายในวัดเทียนมู่ มีการสร้างสถูปแบบถะจีน 1 องค์ ถะองค์นี้ตามเรื่องเล่านั้นถูกสร้างขึ้นพร้อมกับวัด โดยเหงียน ฮวง ซึ่งในปัจจุบันถะที่เห็นนั้นเป็นงานที่ถูกสร้างในสมัยหลังแล้ว ตัวถะอยู่ในผังแปดเหลี่ยมและสูงเจ็ดชั้น ถือเป็นถะที่มีความสูงที่สุดในเวียดนาม ช่างได้ออกแบบสถูปแต่ละชั้นแทนพระพุทธเจ้าพระองค์ต่าง ๆ ทั้งนี้สถูปผังแปดเหลี่ยมและซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น ปรากฏหลักฐานมาก่อนแล้วในศิลปะแบบจีน


         3.สุสานจักรพรรดิไคดิญห์

              3.1.ภาพรวมสุสานจักรพรรดิไคดิญห์

https://www.sbatravel.co.th/tour/danang-hue-hoi-an-4d/

                       สุสานไคดิญห์สร้างเมื่อปี พ.ศ.2463 และสำเร็จในปี พ.ศ.2547 โดยสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมศพของพระเจ้าไคดิญห์ จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหงียน ตัวสุสานเป็นแผนผังแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหลังติดกับภูเขา Chau Chu สุสานแห่งนี้จัดเรียงอาคารไต่ระดับขึ้นไปเป็นชั้น ๆ มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีอาคารซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน เช่น ท้องพระโรง ตำหนัก นอกจากนี้ยังมีการตั้งประติมากรรมรูปสัตว์และบุคคลไว้สองข้างของทางเดินหลัก รูปแบบโดยภาพรวมแสดงถึงการผสมผสานระหว่างอิทธิพลศิลปะตะวันตกที่เข้ามาในสมัยราชวงศ์เหงียนและศิลปะแบบจีนซึ่งเข้ามามีอิทธิพลในเวียดนามเป็นเวลานานแล้ว


              3.2. ประติมากรรมรูปบุคคลในสุสานจักรพรรดิไคดิญห์


https://th.tripadvisor.com/LocationPhotoDirectLink-g2146376-d451116-i38985850-Tomb_of_Khai_Dinh-Thua_Thien_Hue_Province.html

              ภายในลานหน้าท้องพระโรงของสุสานจักรพรรดิไคดิญห์ มีการตั้งประติมากรรมรูปบุคคลและสัตว์เรียงแถวไว้ แต่ทั้งหมดหันเข้าหาศูนย์กลาง ซึ่งน่าจะสร้างตามคติการสร้างสุสานแบบจีน โดยแสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของผู้วายชนม์ ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย ที่เชื่อว่าวิญญาณยังมีชีวิตเช่นเดียวกันกับคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องส่งข้าทาสบริวารไปอยู่ด้วยนั้นก็คือตุ๊กตาศิลา


              3.3. ประติมากรรมรูสัตว์ในสุสานพระเจ้าไคดิญห์

              ภายในลานหน้าท้องพระโรงของสุสานจักรพรรดิไคดิญห์ มีการตั้งประติมากรรมรูปบุคคลและสัตว์เรียงแถวไว้ แต่ทั้งหมดหันเข้าหาศูนย์กลาง ซึ่งน่าจะสร้างตามคติการสร้างสุสานแบบจีน โดยแสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของผู้วายชนม์ ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย ที่เชื่อว่าวิญญาณยังมีชีวิตเช่นเดียวกันกับคนเป็น ช้างและม้าเป็นเหมือนเครื่องประกอบยศของกษัตริย์ ดังนั้นถึงแม้กษัตริย์จะสวรรคตลง ในสุสานของพระองค์ก็ต้องมีช้างและม้า เหมือนกับตอนที่ทรงมีพระชนม์ชีพด้วย

          จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ว่าหมู่โบราณสถานเมืองเว้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแลหมาะแหล่งมรดกโลกที่สำคัญ เป็นที่ที่รวบรวมศิลปะ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม ไว้ได้อย่างลงตัว เหมาะกับการท่องเที่ยวเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก เพราะหมู่โบราณเมืองเว้ถือว่าเป็นที่ที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติสูง และสวยงาม


............................................................
อ้างอิง

          ณัฐวดี  ช่วยพนัง. (ม.ป.ป.).  เวียดนาม [ระบบออนไลน์] . สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก sites.google.com/site/worldheritageinaseann/weiydnam

          มหานครอาเซียน. (ม.ป.ป.). หมู่โบราณสถานเมืองเว้ [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก www.uasean.com/kerobow01/263

          สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัทธยาศัยภาคเหนือ. (2558).มรดกโลกในเวียดนาม 1 : หมู่โบราณสถานเมืองเว้ [ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 31สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก aseannotes.blogspot.com/search/label/มรดกโลกในเวียดนาม

          อชิรัชญ์  ไชยพจน์พานิช. (ม.ป.ป.). เมืองเว้[ระบบออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก http://art-in-sea.com/th/data/vietnam-art/viet-art/itemlist/category/

          Jaruwan Thongpech. (2560). หมู่โบราณสถานเมืองเว้ (Complex of Hue Monuments) : ร่องรอยความเจริญรุ่งโรจน์ของอารยธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ในยุคแห่งการล่าอาณานิคม[ระบบออนไลน์] . สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 สืบค้นจาก aseanworldtravel11.blogspot.com/2017/10/complex-of-hue-monuments_26.html



วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

WELCOME TO MY BLOG



WELCOME TO MY BLOG




     ABOUT ME


          My name is Pimpawee Anusuriya. You can call me Farm.

.........................................................


     ABOUT WEBSITE


         สวัสดีค่ะ ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในบล็อก ศิลปะ โบราณคดี เอเชียเอเชียอาคเนย์ เป็นบล็อกที่จะเขียนเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว ศิลปะและโบราณคดี  โดยจะรวบรวมข้อมูลจากหนังสือ บทความ และเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ และนำมาเรียบเรียงให้ทุกท่านได้อ่านกัน ขอขบคุณ ณ ที่นี่ค่ะ